รู้จักรังสี UV ภัยเงียบในรถยนต์ ที่คุณอาจไม่เคยรู้
แม้จะนั่งอยู่ในรถที่ปิดกระจก คุณก็ยังไม่พ้นจากภัยของรังสี UV
หลายคนเข้าใจว่าเมื่อขึ้นรถ ปิดกระจก และเปิดแอร์ ก็ปลอดภัยจากแสงแดดแล้ว แต่ความจริงคือ "รังสี UV" หรือ Ultraviolet Radiation สามารถทะลุกระจกใสธรรมดาเข้าสู่ภายในรถได้ และสร้างความเสียหายต่อทั้งสุขภาพและวัสดุในรถโดยที่คุณอาจไม่ทันรู้ตัว
รังสี UV คืออะไร?
รังสี UV เป็นรังสีที่อยู่ในแสงแดด แบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก
1. UVA (320-400 nm) : ทะลุทะลวงได้ลึก เข้าสู่ผิวหนังจนถึงชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
2. UVB (280-320 nm) : ทำให้ผิวไหม้ แดง อักเสบ และเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง
3. UVC (100-280 nm) : ถูกดูดซับโดยชั้นบรรยากาศโลก ไม่ค่อยส่งผลต่อมนุษย์โดยตรง
กระจกใสธรรมดา อาจกัน UVB ได้บ้าง แต่ไม่สามารถป้องกัน UVA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลกระทบของรังสี UV ภายในรถยนต์
1. ทำร้ายผิวคุณโดยไม่รู้ตัว
แม้จะอยู่ในรถก็ยังมีโอกาสได้รับรังสี UVA โดยตรง โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถนาน ๆ เช่น แท็กซี่ หรือคนทำงานที่ต้องเดินทางบ่อย ซึ่งส่งผลให้ผิวคล้ำ แห้ง และแก่ก่อนวัย
2. ทำลายภายในรถ
รังสี UV ทำให้เบาะหนังแห้ง แตก ซีด และกรอบเร็วขึ้น แผงคอนโซล พลาสติก และพวงมาลัย ก็จะเสื่อมสภาพเร็วเมื่อโดน UV สะสมทุกวัน
3. ลดมูลค่ารถในระยะยาว
ห้องโดยสารที่ซีดจางหรือเสียหายจากแสงแดดทำให้ราคาขายต่อของรถลดลง เพราะผู้ซื้อเห็นว่าไม่ได้รับการดูแลที่ดี
️ทางออก : ฟิล์มกรองแสงกัน UV
ฟิล์มคุณภาพสูงในปัจจุบันสามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% โดยเฉพาะฟิล์มที่ระบุว่า UV Rejection 99% หรือ TUV ต่ำ (Transmitted UV)
เลือกฟิล์มที่สามารถกันได้ทั้ง UVA และ UVB ไม่ใช่แค่ฟิล์มเข้ม แต่ต้องดูสเปกจริง
สรุป
แม้เราจะมองไม่เห็นรังสี UV แต่ผลกระทบที่มันมีต่อร่างกายและภายในรถนั้นชัดเจนและต่อเนื่อง หากคุณต้องขับรถหรืออยู่ในรถเป็นเวลานาน การติดฟิล์มกรองแสงที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือวิธีปกป้องที่ดีที่สุด ทั้งต่อสุขภาพผิวพรรณและอุปกรณ์ภายในรถ เลือกฟิล์มที่ผ่านการรับรอง มีคุณสมบัติกรอง UV ได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ดูเข้ม เพราะภัยจากรังสี UV อาจอยู่ใกล้คุณกว่าที่คิด